เหมือนไปเที่ยวบ้านเพื่อน แล้วเพื่อนก็พาไปเที่ยวสถานที่ลับของเขา พาขึ้นรถจิ๊บคันเก๋า ขับปุเล็งขึ้นเนิน เข้าป่า ลงเนิน ลดเลี้ยวไปตามแนวเขา โผล่อีกที่ก็กลายเป็นที่นี่
เหมือนเราอยู่บนยอดของผืนป่า แต่เป็นเนินกว้างสูง มองออกไปได้รอบทิศทาง เบื้องหน้าเป็นสันเขา เบื้องหลังก็เช่นกัน ด้านข้างก็อีกเช่นกัน
“กิ่วกะลก” แฝงตัวอยู่ที่ อำเภอสันติสุข จังหวัดน่าน "กิ่ว" เป็นภาษาเหนือแปลว่า เล็ก ๆ มาจากลักษณะเส้นทางแคบ ๆ ที่ต้องเดินลัดเลาะไปตามริมเขาริมผา
เพื่อนคนเดิมชี้ให้ดู บอกด้านนั้นตอนเช้าพระอาทิตย์จะโผล่ขึ้นมาตรงนั้น และด้านนี้อีกประเดี๋ยวพระอาทิตย์จะตกลงมาตรงนี้
ผมกับชาวคณะมองตามนิ้วเพื่อนใหม่พรางยื่นอุปกรณ์ให้ ซึ่งกำลังขมักเขม้นกางเตนท์ให้พวกเรานอนกันคืนนี้
สถานที่ลับแห่งนี้เพื่อนของเราได้ปลูกกระต๊อบเก๋ ๆ ไว้หลังหนึ่ง เอาไว้เก็บอุปกรณ์ พักอาศัย ทำอาหาร แล้วก็เอาไว้ให้เรานั่งพัก นั่งทานหมูกระทะตอนกลางคืน ห้อยขาจิบกาแฟยามเช้า นั่งเหม่อดูพระอาทิตย์ที่โผล่จากสันเขาด้านหน้า
สถานที่ลับแห่งนี้ มีเพียงชาวคณะของผู้เขียน 4 คน และนักเดินทางเช่นเดียวกันอีก 4 คน เท่านั้น เป็นนักท่องเที่ยวสุภาพสตรีล้วน เพื่อนใหม่บอกว่า สถานที่นี้ เราจะพาเพื่อนมาได้ไม่เกินครั้งละ 8 คน
ทำไมหน่ะเหรอ ก็เพราะเราจะได้มีพื้นที่การเก็บทุกละอองบรรยากาศแบบไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่แออัด มีพื้นที่ให้ทั้ง 8 สมาชิคได้บรรจงนั่ง เดิน ยืน ตรงไหนก็ได้ตามปรารถนา
เพื่อนใหม่เจ้าของสถานที่ดูแลพวกเราอยากไม่ขาดตกบกพร่อง จนบางครั้งถึงกับรู้สึกไปเองว่า เรารบกวนเขาเกินไปหรือเปล่า
มื้อค่ำ มีอาหารให้เลือกว่า จะหม่ำเป็นหมูกระทะหรือจะเป็นหมูย่างพริกไทดำดี แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกอะไร เอาเข้าจริงคุณก็ทานไม่หมดอยู่ดี เพื่อนเราเลี้ยงไม่อั้นจริง ๆ เลี่ยงเราในบรรยากาศที่มันอบอุ่น มีความสุข ผสมโรแมนติกแบบสนุก ๆ ปนกันไป
พวกเรากินอิ่มหนำ เป็นที่เรียบร้อย นั่งเสวนากับบรรดาเพื่อนใหม่ทั้งหลาย ที่เพิ่งรู้จักหน้าค่าตากันเป็นครั้งแรก ซึ่งต่างคนก็ต่างมีอุดมการณ์เดียวกันในเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันตามอัธยาศัย พร้อมจิบเครื่องดื่มแอลกกอฮอลที่เตรียมมาเสริมความอภิรมณ์เข้าไปอีกระดับ พอกลุ้มกลิ่ม จากนั้นจึงย้ายตัวเองเข้าไปนอนในเต้นที่เจ้าของสถานที่ได้ตระเตรียมไว้ให้เรียบร้อย
เช้าตรู่ เพื่อนเราก็ต้มข้าวต้มให้เราหม่ำเป็นมื้อเช้า รสชาติอร่อยเลยทีเดียว ผสมบรรยากาศเข้าไปอีก เอาคะแนนไปเกิน 10+
เสร็จสรรพนั่งจิบกาแฟมองทิวทัศน์ไปเรื่อย ยามเช้าอากาศเย็นแสงอาทิตย์รำไรปลิ่ม ๆ ทิวเขา ซึ่งกำลังจะโผล่ขึ้นมาเปล่งประกายชัดเจนในไม่ช้า เพื่อนเราเปิดเพลงอคูสติคให้ฟังเบา ๆ เพลินกันจนลืมเวลา
ตกสายแดดเริ่มออก จึงได้เวลาที่เพื่อนจะพาเรานั่งรถจิ๊บไต่ลัดเลาะกลับไปทางเดิม
อาหารดี ที่พักเพียงพอให้เรานอนหลับได้สบาย ทิวทัศน์สวยงามซึ่งยังคงความเป็นธรรมชาติแบบไร้การปรุงแต่ง ถึงแม่จะไม่มีไฟฟ้า และห้องอาบน้ำให้ใช้บริการ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเมื่อแลกกับประสบการณ์ท่น่าจดจำ
ทั้งหมดนี้เพียงพอและคุ้มค่ากับการเดินทางดั้นด้นมาหา
ค่าใช้จ่ายที่นี่เรียกได้ว่าแทบจะน้อยจนเราเกรงใจกันเลยทีเดียว เพียงคนละ 1,000 พันบาท แลกกับทุกสิ่งที่เราได้รับมา มันเกินคำว่าคุ้มไปเยอะเลย
พวกเราใช้ระยะเวลาจองที่พักที่นี่ ล่วงหน้ากัน 2-3 เดือน เพื่อให้ได้วันที่ตรงกับเราไปได้ ก็จัดว่านานพอดู พร้อมทั้งต้องจองที่นั่งรถ บขส.ในการเดินทาง ให้ตรงกันอีกด้วย
1 ปี ที่นี่จะเปิดให้ขึ้นไปพักเพียงระยะไม่กี่เดือนเท่านั้น ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณเดือน พฤศจิกายน ถึง เดือนกุมพาพันธ์ เพราะฉะนั้น การตัดสินใจไปเยือนอีกครั้งของพวกเราจึงต้องรีบวางแผนให้ดี
คงได้เจอกันอีกไม่นานนี้ หากว่าเราจองที่ทันอ่ะนะ ^..^
ใครอ่านมาถึงบรรทัดนี้ได้
ผู้เขียนขอกราบขอบคุณงาม ๆ นะครับ
และไหน ๆ ก็ ไหน ๆ แล้ว รบกวนอีกนิด ฝากช่อง Vlog ของพวกเราด้วยครับ ^..^ 5555 ที่ 8iy[https://www.youtube.com/channel/UCVFaL2r9fVpJ1DcPg6Nm1sg…
เพจ เที่ยวแล้วไปไหน
Comments